รีแพร์

รีแพร์ (Repair)

รีแพร์ (Repair) หรือ การซ่อมแซม คือ การผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนยานภายในช่องคลอดให้กระชับขึ้น เพื่อให้ขนาดหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของช่องคลอดเล็กลงและเกิดการหดรัดที่ดีกว่าเดิม โดยเป็นการผ่าตัดตลอดแนวความลึกของช่องคลอด รวมถึงการผ่าตัดตกแต่งเนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดด้วย

ประโยชน์ของการทำ รีแพร์ คืออะไร?

 ประโยชน์ของการทำ รีแพร์ คือ ช่วยให้ช่องคลอดมีขนาดเล็กลง แก้ไขภาวะ ช่องคลอดหลวม  ซึ่งทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกมีความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น  และสามารถถึงจุดสุดยอดได้ เนื่องจากเพิ่มแรงเสียดสีภายในช่องคลอด นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการในการรักษา ภาวะบกพร่องของผนังช่องคลอด ซึ่งสาเหตุเกิดเนื่องจากโครงสร้างต่าง ๆ ที่พยุงผนังช่องคลอดเสื่อมตัว

การทำรีแพร์มีกี่วิธี

  1. การทำรีแพร์โดยการผ่าตัด

การทำรีแพร์โดยการผ่าตัด คือการผ่าตัดเลาะผนังช่องคลอดและเนื้อเยื่อส่วนเกินทิ้ง และเย็บแผลด้วยไหมละลาย เพื่อให้ช่องคลอดมีขนาดเล็กลง และกระชับมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นการรีแพร์ด้วยวิธีนี้ยังเป็นการผ่าตัดเล็กที่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังช่วยปรับสภาพความหย่อนคล้อยของช่องคลอดได้กึ่งถาวร

การทำรีแพร์โดยการผ่าตัดเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหลวม ต้องการผ่าตัดเพื่อให้ช่องคลอดกระชับขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ของการทำรีแพร์ในระยะยาว
  • ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหลวม และเคยผ่านการทำรีแพร์ด้วยวิธีอื่นมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่พอใจ
  • ผู้ที่มีเวลาในการฟื้นฟูแผลหลังการทำรีแพร์โดยวิธีผ่าตัดได้
  1. การทำมินิรีแพร์ แบบ RF

การกระชับช่องคลอดโดยไม่ต้องผ่าตัด Cellina เทคโนโลยีRF(radio frequency/ คลื่นความถี่วิทยุ) โดยคลื่นRF สามารถไปแก้ปัญหาของผนังช่องคลอดได้อย่างล้ำลึก โดยขณะทำจะรู้สึกอุ่นในระดับสบายทนได้ใช้เวลาทำเพียง 20-30นาที ไม่มีแผล หลังทำสามารถกลับบ้านได้เลย

การทำรีแพร์ RF เหมาะกับใคร

  • ช่องคลอดหลวม ไม่กระชับ
  • ช่องคลอดมีความแห้ง
  • Orgasm น้อยลง หรือ ช้า
  • ผิวด้านนอกไม่เต่งตึง
  • ปัสสาวะเล็ด
  • วัยหมดประจำเดือน
  • ผู้ที่ผ่านมีมีบุตรมาแล้ว

การผ่าตัด

การผ่าตัดแบ่งเป็น

  1. การผ่าตัดเฉพาะด้านหลัง [PORTERIOR REPAIL] สามารถทำผ่าตัดเล็กโดยการฉีดยาชาได้
  2. การผ่าตัดใหญ่ [AP-REPAIR] เป็น การผ่าตัดทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผนังช่องคลอดเพื่อรักษาอาการปัสสาวะ เล็ด มดลูกหย่อนยาน กระบังลมหย่อน ปวดท้องน้อย ต้องดมยาสลบ หรือฉีดยาชาที่สันหลัง และต้องพักที่โรงพยาบาลประมาณ 1 – 2 วัน

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. งดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนผ่าตัด
  2. อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดตามปกติ
  3. งดการใช้ยาบางอย่างที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน , ทัมใจ ฯลฯ
  4. ถ้ามีโรคประจำตัว เช่นหอบหืด ,โรคหัวใจ , โรคเบาหวาน , ความดันโลหิตสูง ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
  5. ควรทำผ่าตัดในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน

เทคนิคการผ่าตัด

เทคนิคที่ 1 การผ่าตัดเล็ก ซึ่งมีวิธีการดังนี้

  1. แพทย์ใช้ยาชาฉีดบริเวณบริเวณรอบๆช่องคลอดด้านนอกโดยไม่ต้องดมยาสลบ
  2. แพทย์จะผ่าตัดตกแต่งผนังช่องคลอดล่าง พร้อมทั้งตัดผนังส่วนเกินของช่องคลอดออก แล้วเย็บผนังเข้าหากันเพื่อช่องคลอดจะมีความกระชับมากขึ้น
  3. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการผ่าตัด หลังจากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้
  4. หลังจากผ่าตัดแล้ว 7 วัน แพทย์จะนัดให้มาดูความเรียบร้อยของรอบแผลผ่าตัด

ส่วนในกรณีที่คนไข้มีภาวะช่องคลอดหย่อนยานอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นร่วมกับ การ ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะซึมบ่อยๆ มดลูกหย่อน กระบังลมหย่อน ปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ และอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ ในบริเวณช่องคลอด แพทย์จะใช้การผ่าตัดใหญ่

เทคนิคที่ 2 การผ่าตัดใหญ่ จะมีขั้นตอนและวิธีการมากกว่าการผ่าตัดเล็ก ดังนี้

  1. มักผ่าตัดโดยวิธีวางยาสลบ
  2. การผ่าตัดใหญ่ แพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดและตกแต่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผนังช่องคลอดรวมไปถึงกระบังลมที่หย่อนยาน
  3. การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
  4. หลังจากผ่าตัด แพทย์จะให้คนไข้นอนพักที่โรงพยาบาล ประมาณ 2 วัน

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. งดการยกของหนัก ประมาณ 2 สัปดาห์
  2. รับประทานอาหารได้ตามปกติ และควรรับประทานอาหารที่มีกากมากๆ ดื่มน้ำมากๆ
  3. ไม่กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระ
  4. ถ้ามีอาการบวมมากๆ เขียวช้ำมากหรือปัสสาวะไม่ออก กรุณาปรึกษาแพทย์
  5. แผลจะหายภายในระยะเวลา 7 – 10 วัน โดยไหมจะละลายไปเองไม่ต้องตัดไหม
  6. ทำความสะอาดแผล โดยการแช่ก้นในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาทีวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  7. รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และมาพบแพทย์หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
  8. ควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 30 วัน